คุณจระเข้กับความรักอันยิ่งใหญ่

เรื่องราวเริ่มต้นที่ความรักในหัวใจของคุณจระเข้  เขาหนาวจนตัวสั่นทั้งที่อากาศน่าจะร้อน  เพราะเขาอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งและคุณยีราฟที่เขาหลงรักก็แช่ตัวอยู่ในน้ำ  บางวันเพียงแค่เห็นคุณยีราฟเดินผ่านหน้าต่างบ้าน  เขาก็ร้อนเหงื่อตกจนต้องนอนเอาเท้าแช่ตู้เย็น  บางวันเขาก็เหงาหงอยแทบขาดใจ  บางวันก็กอดโลกทั้งใบอย่างมีความสุข....ความรักเป็นเช่นนี้

.

และเมื่อมีความรักก็มักมีปัญหาเสมอ  คุณยีราฟตัวสูงมาก  มากจนกระทั่งเวลาที่คุณจระเข้จะส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้  คุณยีราฟก็มองไม่เห็น  คุณจระเข้คิดหาวิธี  ไม่ว่าจะเป็นการเอาไม้มาต่อขาให้สูง  ขึ้นไปอยู่บนสะพานสูง  ปีนขึ้นไปดักรอบนต้นไม้  เล่นเพลงรัก  เหวี่ยงเชือกขึ้นไปคล้องคอแล้วกระตุกคอคุณยีราฟให้โน้มลงมา  คุณยีราฟก็ยังไม่เคยมองเห็นรอยยิ้มของเขา  แถมคุณยีราฟยังตกใจเหวี่ยงเชือกจนคุณจระเข้กระเด็นไป  ทำให้คุณจระเข้ต้องเข้าโรงพยาบาล  คุณจระเข้ออกจากโรงพยาบาลด้วยความหมดหวังและเศร้าสร้อย  คุณยีราฟไม่เคยมองเห็นยิ้มหวานหยาดเยิ้มของเขาเลย 

.

ทันใดนั้น  คุณยีราฟก็เดินชนกับคุณจระเข้   คุณจระเข้ล้มลง  เขาได้ส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้คุณยีราฟแล้ว  ความอบอุ่นอยู่ในหัวใจ  “โชคดีจังที่เธอมองไม่เห็นฉัน”  คุณจระเข้กล่าวไว้ในตอนจบ

.

โชคดีจังที่คุณยีราฟมองไม่เห็นคุณจระเข้   โชคดีที่โชคร้ายที่เป็นปัญหาต้นเหตุของเรื่องนี้กลับกลายเป็นโชคดีในตอนจบ  หลายครั้งที่ชีวิตก็เป็นเช่นนี้  เมื่อเราอยู่ในห้วงเวลาวิกฤต  เรามักมองเห็นแต่ปัญหา  จนอาจทำให้เราคิดไปว่าเรานี่ช่างโชคร้าย   แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งเราได้มองย้อนกลับไปอีกครั้ง  ในโชคร้ายมีโชคดีเสมอ  เมื่อเรามีทักษะในการค้นพบโชคดีในโชคร้ายบ่อยครั้งเข้าก็ทำให้คิดได้อย่างรวดเร็วว่า  เมื่อใดก็ตามที่กำลังโชคร้าย  ตั้งสติแล้วมองหาโชคดีที่รออยู่ได้เลย  โชคดีกำลังยิ้มหวานหยาดเยิ้มรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว   และนั่นทำให้ชีวิตมีความหวัง

.

ทฤษฎีแห่งความหวัง (Hope Theory)  ของ ชาร์ลส์ ริชาร์ด ริก สไนเดอร์ (Charles Richard Rick Snyder)  บอกไว้ว่า ความหวังเปรียบเสมือนความแข็งแกร่งของมนุษย์ที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิต ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน นั่นคือ  เป้าหมาย (Goals Thinking) หมายถึงชีวิตที่มีเป้าหมาย  กระบวนการ (Pathwas Thinking) เพื่อหาทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น  และความเชื่อมั่น (Agency Thinking) ที่คอยกำกับตัวเราว่าเราทำได้

ดูเหมือนว่าคุณจระเข้ในหนังสือเล่มนี้ดำเนินเรื่องไปตามทฤษฎีแห่งความหวังเช่นกัน  คุณจระเข้มีเป้าหมายคือการส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้กับคุณยีราฟ  สี่ห้าหน้าแรกบอกให้เรารู้ว่าความรักของเขานั้นช่างยิ่งใหญ่ มีความหมายกับตัวตนของเขาเหลือเกิน  เพราะเขากระสับกระส่ายมาหลายวันแล้ว  เป้าหมาย (Goals Thinking) ของแต่ละคนจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่นั้นไม่สำคัญ  แต่สำคัญที่ว่าเป้าหมายนั้นต้องมีความหมายกับตัวตนที่แท้จริง   และเป็นสิ่งที่ทำให้การมีชีวิตอยู่นั้นมีความหมาย

.

กระบวนการ (PathwaysThinking )  มีความสำคัญอยู่ที่การลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อไปถึงเป้าหมายที่สำเร็จ  เราจึงพบว่าเมื่อคุณจระเข้ชัดเจนในเป้าหมาย  เขาก็มุ่งมั่นหาวิธีที่จะทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ   โดยไม่นอนรออย่างเหงาหงอย  ไม่นั่งกระสับกระส่ายไปวัน ๆ  เขาจึงเพียรพยายามหาวิธีส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้คุณยีราฟ

.

คุณจระเข้ใช้หลายวิธีในการไปให้ถึงเป้าหมาย  และแม้ผิดหวังตลอด  แต่เพราะเขามี  ความเชื่อมั่น (Agency Thinking)  ที่คอยกำกับว่าเขาสามารถทำได้  เราจึงเห็นคุณจระเข้ใช้วิธีที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ จากการแค่ใช้ไม้ต่อขาให้ตัวสูงขึ้นไป  ปั่นจักรยานไปบนสะพานสูง  ซื้อของโปรดของคุณยีราฟแล้วปีนขึ้นไปดักรอบนต้นไม้ที่คุณยีราฟชอบ  เมื่อไม่สำเร็จก็เปลี่ยนมาใช้วิธีนุ่มนวลด้วยการแต่งตัวหล่อเล่นเพลงรัก  แล้วก็เปลี่ยนไปใช้วิธีการที่ยากและเสี่ยงมาก  นั่นคือ การเหวี่ยงเชือกไปคล้องคอคุณยีราฟแล้วกระตุกคอคุณยีราฟให้โน้มลงมา 

.

วิธีการเหล่านี้ดีหรือไม่ไม่แน่ใจ  แต่ที่แน่ ๆ คือ คุณจะเข้ทำด้วยความเชื่อมั่น  พยายาม  และไม่ย่อท้อ  จนกระทั่งเขาต้องเข้าโรงพยาบาลนั่นแหละ  ตลอดการดำเนินการตามเป้าหมายของคุณจระเข้  ภาพคุณจระเข้ในแต่ละหน้าแสดงท่าทางการเคลื่อนไหวที่มั่นใจและมุ่งมั่น  จนกระทั่งในหน้าที่คุณจระเข้ออกจากโรงพยาบาล  หน้านี้เพียงหน้าเดียวที่เขาเดินเศร้าก้มหน้าลงมองพื้น 

.

เพราะคุณจระเข้มัวก้มหน้ามองที่พื้นนั่นเอง  วิธีที่ไม่ได้คาดคิดก็เลยกลายเป็นวิธีที่สำเร็จ    คุณจระเข้กับคุณยีราฟเดินชนกันเพราะมองไม่เห็น  กลับกลายเป็นวิธีที่ได้เห็นกันและกัน  คุณจระเข้ได้สิ่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้คุณยีราฟสำเร็จจนได้   ความอบอุ่นอบอวลในหัวใจและปกคลุมหน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้   พาเอานั่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มไปความรักอันยิ่งใหญ่นี้ด้วย

.

และเพราะหนังสือเล่มนี้ช่วยหล่อเลี้ยงความหวังในชีวิต  และใช้ในการจุดประกายความหวังให้กับผู้อื่นบ่อยครั้ง 

“คุณจระเข้กับความรักอันยิ่งใหญ่” จึงเป็น “เล่มนี้ที่รัก”


  • ไม่รู้ว่าหลงรักความรู้สึก "เหมือนไม่เคยทำงานมาก่อน" ไปตั้งแต่เมื่อไร ความรู้สึกนี้สร้างความตื่นเต้นและสร้างพลังได้ดี แม้จะมีความกังวลซุกซ่อนอยู่ก็ตาม อันที่จริงงานทุกงานเหมือนกัน แ...

  • “เธอสร้างสวนขึ้นมาใหม่ได้” แม่บอกเม ประโยคนี้คือจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้ และเป็นตัวกำหนดตอนจบของเรื่องด้วย ถ้าแม่ไม่พูดอย่างนี้ จะไม่มีเรื่องราวต่อจากนั้นอีกเลย เพราะเมคงจะเดิ...

  • คุณสิงโตช่วยนกน้อยที่บาดเจ็บไว้ พวกเขาผ่านฤดูหนาวด้วยกันไปทีละวัน เมื่อถึงฤดูร้อน นกน้อยก็จากไปพร้อมกับฝูง คุณสิงโตใช้ชีวิตผ่านฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงไปเพียงลำพังด้วยความเข้าใจ จนถึ...

  • เมื่อติดแหง็กอยู่ที่ไหนสักแห่ง ติดแหง็กอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ติกแหง็กแม้แต่ในความคิด จะทำอย่างไร . หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นที่บอยทำว่าวลอยไปติดบนต้นไม้ เขาพยายามดึงแล...

  • แพนด้ากับเพนกวินรู้สึกว่าโซฟาที่นั่งอยู่เก่าเกินไป พวกเขาช่วยกันหาโซฟาและทดลองนั่งดู แต่ก็ไม่ได้โซฟาที่ถูกใจสักที ในที่สุดพวกเขาก็พากันกลับบ้านและซ่อมโซฟาตัวเดิม ซึ่งดูเหมือนจะเป็น...

  • เรื่องของน้องหมีแต่งตัวมีอยู่แค่ว่าน้องหมีทดลองแต่งตัว ใส่เสื้อ กางเกง รองเท้า และหมวก ใส่เสร็จแล้วก็ไปเที่ยว แค่นั้น...จบ . จบแค่นี้ แต่เป็นเล่มที่รักมากและรักมานานมากเล่มหนึ่ง อั...

  • “กุญแจเปิดบ้านหลังน้อย บ้านหลังน้อยเรืองแสงไฟ ใต้แสงไฟเห็นเตียงนอน บนเตียงนอนมีหนังสือ ในหนังสือนกโบยบิน นกโบยบินขับขานเพลง เพลงดวงดาวยามค่ำคืน” . คำไม่กี่คำในแต่ละหน้าที่ดำเนินไปอ...

  • แม้แซมสันจะเป็นสล็อตที่เชื่องช้า แต่เขาก็ชอบที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข ความเชื่องช้าของเขาทำให้ไปงานเลี้ยงไม่เคยทัน เพราะมัวแต่ช่วยคนอื่นอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งแซมสันรู้สึกว่าอยากไปง...
รายการล่าสุดที่คุณดู
Visitors: 30,547