READ Modelเป็นนวัตกรรมการศึกษาที่พัฒนาโดย ดร.จารุทัศน์วงศ์ข้าหลวง
ซึ่งเริ่มต้นจากการทำวิจัยที่บ้านรักเนอร์สเซอรี่สคูลโดยมีนักเรียนอายุ 2-3 ปีเป็นกลุ่มทดลองเมื่อปี พ.ศ. 2556
ได้รับ...
READ Model จากนิทานเรื่อง If I was A Horse
READ Model : If I Was A Horse
Day 1
หลังจากที่คุณครูอ่านนิทานให้เด็ก ๆ ฟังแล้ว คุณครูและเด็ก ๆ สนทนาเกี่ยวกับตัวละครในเรื่องและเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของเด็ก ๆ- ในเรื่องนี้มีใครบ้าง - เด็ก ๆ คิดว่าใครเป็นคนสำคัญที่สุดในเรื่อง เพื่อหาตัวละครหลัก - เด็ก ๆ คิดว่าม้าในเรื่องนี้เป็นเพศใด ดูจากอะไร - ถ้าเด็ก ๆ เป็นม้า เด็ก ๆ อยากจะใส่เสื้อผ้าหรือไม่ เพราะอะไร.
คุณครูชวนเด็ก ๆ สังเกตชุดของม้าในนิทาน และเชื่อมโยงกับชีวิตจริง เด็กหญิงสามารถใส่กางเกงได้ เด็กชายมีสิทธิ์ที่จะชอบสีชมพูก็ได้ เราทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะเป็นและชอบ และในนิทานก็ไม่ได้สรุปว่าม้าในเรื่องเป็นเพศใด คุณครูและเด็ก ๆ ช่วยกันสรุปสิ่งที่สนทนาเป็นผังกราฟฟิค
คุณครูชวนเด็ก ๆ สังเกตชุดของม้าในนิทาน และเชื่อมโยงกับชีวิตจริง เด็กหญิงสามารถใส่กางเกงได้ เด็กชายมีสิทธิ์ที่จะชอบสีชมพูก็ได้ เราทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะเป็นและชอบ และในนิทานก็ไม่ได้สรุปว่าม้าในเรื่องเป็นเพศใด คุณครูและเด็ก ๆ ช่วยกันสรุปสิ่งที่สนทนาเป็นผังกราฟฟิค
Day 2
วันที่สอง เด็ก ๆ เริ่มจำเรื่องราวในหนังสือได้ คุณครูชักชวนให้เด็ก ๆ อ่านหนังสือร่วมกับคุณครูโดยใช้วิธีการอ่านแล้วหยุดเพื่อให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในการอ่านภาพและเติม คำ หรือ วลี เราทบทวนถึงตัวละครในหนังสือโดยการสนทนาถึง “ลักษณะของม้า” และ "ส่วนต่าง ๆ ของม้า" แล้วช่วยกันค้นหาข้อมูลนี้จาก google เด็ก ๆ ช่วยพิมพ์คำว่าม้า (ฝึกสะกดคำและการใช้ภาษาที่มีความหมายต่อชีวิตประจำวัน) และดูภาพม้าหลายๆ แบบ เราช่วยกันบันทึกข้อมูลเป็นผังกราฟฟิค และช่วยกันอธิบายสิ่งทีได้ค้นคว้ามา .
กิจกรรมในวันที่สองนี้ชวนเด็ก ๆ ให้เกิดความคุ้นเคยว่าความรู้มีอยู่ทั่วไป เราสามารถค้นหาความรู้ได้จากที่ไหนบ้าง เราตรวจสอบความรู้อย่างไรว่าข้อมูลนั้นเชื่อถือได้ เราเรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนและผู้ใหญ่ได้ เราจะบันทึกข้อมูลที่เราค้นคว้ามาและบอกเล่าให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างไร นี่คือกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญกว่าความรู้ เป็นเครื่องมือในการหาความรู้และจัดการความรู้ที่จะติดตัวเด็ก ๆ ไปอีกยาวนาน.
กิจกรรมในวันที่สองนี้ชวนเด็ก ๆ ให้เกิดความคุ้นเคยว่าความรู้มีอยู่ทั่วไป เราสามารถค้นหาความรู้ได้จากที่ไหนบ้าง เราตรวจสอบความรู้อย่างไรว่าข้อมูลนั้นเชื่อถือได้ เราเรียนรู้ร่วมกันกับเพื่อนและผู้ใหญ่ได้ เราจะบันทึกข้อมูลที่เราค้นคว้ามาและบอกเล่าให้คนอื่นเข้าใจได้อย่างไร นี่คือกระบวนการเรียนรู้ที่สำคัญกว่าความรู้ เป็นเครื่องมือในการหาความรู้และจัดการความรู้ที่จะติดตัวเด็ก ๆ ไปอีกยาวนาน.
Day 3
วันที่สาม คุณครูชักชวนให้เด็ก ๆ อ่านหนังสือร่วมกับคุณครูโดยใช้วิธีการอ่านแล้วหยุดเพื่อให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในการอ่านภาพและเติม คำ หรือ วลี ทบทวนเรื่องตัวละครโดยการร่วมกันสนทนาถึงลักษณะพิเศษของม้าที่แตกต่างจากสัตว์อื่น และหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของม้า คุณครูและเด็ก ๆ ช่วยกันค้นคว้าข้อมูลจาก google บันทึกข้อมูลในผังกราฟฟิคที่ทำไว้ในวันที่สอง
คุณครูชวนประดิษฐ์ม้าที่ใช้ขาเป็นไม้หนีบผ้า เด็ก ๆ ฝึกทักษะ STEM ในการสร้างชิ้นงานนี้ เพื่อให้ม้าที่เด็ก ๆ วาดไว้นั้นสามารถตั้งได้
คุณครูชวนประดิษฐ์ม้าที่ใช้ขาเป็นไม้หนีบผ้า เด็ก ๆ ฝึกทักษะ STEM ในการสร้างชิ้นงานนี้ เพื่อให้ม้าที่เด็ก ๆ วาดไว้นั้นสามารถตั้งได้
Day 4
วันที่สี่ เด็ก ๆ อ่านหนังสือร่วมกับคุณครู และทบทวนเรื่องราวโดยการร่วมกันสนทนาถึงโครงเรื่อง - ม้าในเรื่องทำอะไรบ้าง (วิ่งในทุ่งหญ้า ไปบนเนินสูง กลับบ้านตอนที่หิว ไปส่งน้องที่โรงเรียน ว่ายน้ำแบบที่กระโดดไปไกลกว่าเพื่อนและทุกคนอยากให้อยู่ในทีม ทักพี่ที่เอาแต่เล่นคอมพิวเตอร์ กลิ้งในโคลน ไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องใส่เสื้อผ้า แต่งแต่ชุดพาเหรด ยืนหลับ)- เด็กๆ อยากทำอะไรแบบม้าในนิทานบ้าง - ถ้าเด็กๆ เป็นม้า อยากทำอะไรที่นอกเหนือจากในนิทานบ้าง
คุณครูและเด็ก ๆ ช่วยกันเขียนสรุปการสนทนาเป็นผังกราฟฟิค และประดิษฐ์ม้าจากถุงกระดาษ
คุณครูและเด็ก ๆ ช่วยกันเขียนสรุปการสนทนาเป็นผังกราฟฟิค และประดิษฐ์ม้าจากถุงกระดาษ
Day 5 : อาหารของม้า
ในนิทานเรื่อง If I Was a Horse ม้าในนิทานกินอาหารแบบเดียวกับที่เด็ก ๆ กินได้ และกินอาหารบนโต๊ะอาหารเหมือนเด็ก ๆ ด้วย .เด็ก ๆ ศึกษาอาหารของม้า โดยมีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้ได้คำตอบเชื่อมโยงนิทานกับชีวิตจริงว่าม้ากินอะไรได้บ้าง และเด็ก ๆ กินอาหารแบบเดียวกับม้าได้ไหม เด็ก ๆ อยากกินอะไรแบบที่ม้ากินบ้าง
คุณครูจะชวนสนทนาและใช้ Graphic Organizer ในการบันทึกข้อมูล ความคิด ความรู้สึกที่เด็ก ๆ ได้มาจากการศึกษาค้นคว้า
คุณครูจะชวนสนทนาและใช้ Graphic Organizer ในการบันทึกข้อมูล ความคิด ความรู้สึกที่เด็ก ๆ ได้มาจากการศึกษาค้นคว้า
Day 5 : ขี่ม้า
ในนิทานเรื่อง If I Was a Horse ม้าในนิทานอยากไปที่ไหนก็ได้ อยากไปส่งน้องที่โรงเรียน อยากวิ่งตลอดทั้งวัน และดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก.เด็ก ๆ ศึกษาท่าทางของม้า และขี่ม้า เพื่อเชื่อมโยงนิทานว่า เวลาม้าวิ่ง เด็ก ๆ คิดว่าม้ารู้สึกอย่างไร และเวลาเด็ก ๆ ขี่ม้า เด็ก ๆ รู้สึกอย่างไร
หลังจากได้ข้อมูลและมีประสบการณ์แล้ว คุณครูชวนสนทนาและใช้ Graphic Organizer ในการบันทึกข้อมูล ความคิด ความรู้สึกของเด็ก ๆ รวมทั้งสร้างผลงาน "ม้าของหนู"
หลังจากได้ข้อมูลและมีประสบการณ์แล้ว คุณครูชวนสนทนาและใช้ Graphic Organizer ในการบันทึกข้อมูล ความคิด ความรู้สึกของเด็ก ๆ รวมทั้งสร้างผลงาน "ม้าของหนู"
Day 5 : บ้านของม้า
ในนิทานเรื่อง If I Was a Horse ม้าในนิทานอาศัยอยู่ในบ้าน มีห้องครัว ห้องรับแขก ห้องนอน และมีของใช้ต่าง ๆ เช่นเดียวกับเด็ก ๆ .เด็ก ๆ ศึกษาที่อยู่อาศัยของม้าในชีวิตจริง เพื่อให้ได้คำตอบเชื่อมโยงนิทานกับชีวิตจริงว่า ม้าอยู่ที่ไหนได้บ้าง ที่ฟาร์มนี้ ม้าอยู่ตรงไหน ม้านอนอย่างไร แล้วนำข้อมูลมาสร้างเป็นผลงาน "บ้านของม้า"
Day 5 : ลักษณะของม้าและการดูแลม้า
ในนิทานเรื่อง If I Was a Horse ม้าในนิทานไม่อยากอาบน้ำ ไม่อยากใส่เสื้อผ้า อยากใส่ชุดสวยแค่เฉพาะเมื่ออยู่ในขบวนพาเหรด .เด็ก ๆ ศึกษาลักษณะของม้าและการดูแลม้า โดยมีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้ได้คำตอบเชื่อมโยงนิทานกับชีวิตจริงว่า ม้ามีลักษณะอย่างไร ต้องอาบน้ำไหม ต้องหวีผมไหม ต้องใส่เสื้อผ้าไหม และนำข้อมูลมาสร้างเป็นผลงาน "ม้าของหนู"
Day 6
วันที่หก หลังจากอ่านหนังสือร่วมกับคุณครูแล้ว คุณครูชวนเด็ก ๆ ทบทวนเรื่องราวโดยการร่วมกันสนทนาถึง “ฉาก”ของเรื่อง และเชื่อมโยงกับประสบการณ์ที่เด็ก ๆ ไปศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้มาเมื่อวาน- เด็กๆคิดว่าม้าในนิทานอาศัยอยู่ที่ไหน- ม้าในโลกแห่งความจริงที่เด็ก ๆ ไปดูมา อาศัยอยู่ที่ไหน.จากนั้นช่วยกันค้นหาที่อยู่ของม้าใน google เพิ่มเติมว่าม้าสามารถอาศัยอยู่ที่ไหนได้อีกบ้าง และชวนกันสรุปเป็นผังกราฟฟิค.คุณครูชวนเด็กแบ่งกลุ่มเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยของม้า โดยเชื่อมโยงกับประสบการณ์จริงที่เด็ก ๆ ไปศึกษาค้นคว้าและเก็บข้อมูลมาจากแหล่งเรียนรู้
Day 7
วันที่เจ็ด หลังจากที่อ่านหนังสือด้วยกันแล้ว คุณครูชวนเด็กสนทนาเกี่ยวกับแก่นเรื่องโดยใช้คำถาม- ทำไมม้าในนิทานจึงวิ่งอิสระในทุ่งหญ้า ไปบนเนินสูง กลับบ้านตอนที่หิว ไปส่งน้องที่โรงเรียน ว่ายน้ำแบบที่กระโดดไปไกลกว่าเพื่อนและทุกคนอยากให้อยู่ในทีม กลิ้งในโคลน ไม่ต้องอาบน้ำ ไม่ต้องใส่เสื้อผ้า แต่งแต่ชุดพาเหรด ยืนหลับ - ตอนจบของเรื่อง ม้าฝันถึงการวิ่งควบที่ยอดเยี่ยม เด็ก ๆ คิดว่าม้ารู้สึกอย่างไรในขณะที่ได้วิ่งควบไป- เด็กๆ ไปขี่ม้ามาแล้ว รู้สึกอย่างไร
คุณครูและเด็ก ๆ ช่วยกันเขียนสรุปเป็นผังกราฟฟิค แล้วประดิษฐ์ม้าสำหรับขี่เล่นได้ที่โรงเรียน
คุณครูและเด็ก ๆ ช่วยกันเขียนสรุปเป็นผังกราฟฟิค แล้วประดิษฐ์ม้าสำหรับขี่เล่นได้ที่โรงเรียน
Day 8
วันที่แปดและเก้า คุณครูชักชวนเด็กเด็กอ่านหนังสือร่วมกับครูโดยออกเสียงเอง และสนทนาเกี่ยวกับม้า- เด็กๆ เคยเห็นม้าที่ไหนบ้าง (ฟาร์ม ในละคร หนัง ม้าทหารในงานพิธี)- ม้าทำอะไรบ้าง (ขี่ ลากรถม้า แสดงโชว์)ม้ามีความสำคัญกับมนุษย์มาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ในโลกของเราจึงม้าที่ไม่ใช่ม้าจริงๆ แต่เป็นประติมากรรมมีชื่อเสียงและมีความสำคัญ เช่น ม้าไม้เมืองทรอย ม้าของลีโอนาโดดาวินชี่ร่างไว้และทำเสร็จในปี 1999 ที่อิตาลี ตุ๊กตาม้าไม้สมัยราชวงศ์ฮั่น คุณครูชวนเด็ก ๆ เปิดหาจาก google และย้อนกลับไปดูในหนังสือนิทาน ห้องนอนมีม้าเมืองทรอย ภาพวาดม้าของดาวินชีอยู่ที่ผนังด้วย.คุณครูและเด็ก ๆ ร่วมกันสร้าง "ม้า" เพื่อตั้งในโรงเรียน โดยศึกษาแบบจากงานม้าไม้เมืองทรอย + ม้าของดาวินชี + ตุ๊กตาม้าไม้สมัยราชวงศ์ฮั่น