คุณจระเข้กับความรักอันยิ่งใหญ่
คุณจระเข้กับความรักอันยิ่งใหญ่
เรื่องและภาพ : ดานีลา คูลอต แปล : วาสนา นิ่มนวล สำนักพิมพ์ : แพรวเพื่อนเด็ก
เรื่องราวเริ่มต้นที่ความรักในหัวใจของคุณจระเข้ เขาหนาวจนตัวสั่นทั้งที่อากาศน่าจะร้อน เพราะเขาอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งและคุณยีราฟที่เขาหลงรักก็แช่ตัวอยู่ในน้ำ บางวันเพียงแค่เห็นคุณยีราฟเดินผ่านหน้าต่างบ้าน เขาก็ร้อนเหงื่อตกจนต้องนอนเอาเท้าแช่ตู้เย็น บางวันเขาก็เหงาหงอยแทบขาดใจ บางวันก็กอดโลกทั้งใบอย่างมีความสุข....ความรักเป็นเช่นนี้
.
และเมื่อมีความรักก็มักมีปัญหาเสมอ คุณยีราฟตัวสูงมาก มากจนกระทั่งเวลาที่คุณจระเข้จะส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้ คุณยีราฟก็มองไม่เห็น คุณจระเข้คิดหาวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเอาไม้มาต่อขาให้สูง ขึ้นไปอยู่บนสะพานสูง ปีนขึ้นไปดักรอบนต้นไม้ เล่นเพลงรัก เหวี่ยงเชือกขึ้นไปคล้องคอแล้วกระตุกคอคุณยีราฟให้โน้มลงมา คุณยีราฟก็ยังไม่เคยมองเห็นรอยยิ้มของเขา แถมคุณยีราฟยังตกใจเหวี่ยงเชือกจนคุณจระเข้กระเด็นไป ทำให้คุณจระเข้ต้องเข้าโรงพยาบาล คุณจระเข้ออกจากโรงพยาบาลด้วยความหมดหวังและเศร้าสร้อย คุณยีราฟไม่เคยมองเห็นยิ้มหวานหยาดเยิ้มของเขาเลย
.
ทันใดนั้น คุณยีราฟก็เดินชนกับคุณจระเข้ คุณจระเข้ล้มลง เขาได้ส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้คุณยีราฟแล้ว ความอบอุ่นอยู่ในหัวใจ “โชคดีจังที่เธอมองไม่เห็นฉัน” คุณจระเข้กล่าวไว้ในตอนจบ
.
โชคดีจังที่คุณยีราฟมองไม่เห็นคุณจระเข้ โชคดีที่โชคร้ายที่เป็นปัญหาต้นเหตุของเรื่องนี้กลับกลายเป็นโชคดีในตอนจบ หลายครั้งที่ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ เมื่อเราอยู่ในห้วงเวลาวิกฤต เรามักมองเห็นแต่ปัญหา จนอาจทำให้เราคิดไปว่าเรานี่ช่างโชคร้าย แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งเราได้มองย้อนกลับไปอีกครั้ง ในโชคร้ายมีโชคดีเสมอ เมื่อเรามีทักษะในการค้นพบโชคดีในโชคร้ายบ่อยครั้งเข้าก็ทำให้คิดได้อย่างรวดเร็วว่า เมื่อใดก็ตามที่กำลังโชคร้าย ตั้งสติแล้วมองหาโชคดีที่รออยู่ได้เลย โชคดีกำลังยิ้มหวานหยาดเยิ้มรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว และนั่นทำให้ชีวิตมีความหวัง
.
ทฤษฎีแห่งความหวัง (Hope Theory) ของ ชาร์ลส์ ริชาร์ด ริก สไนเดอร์ (Charles Richard Rick Snyder) บอกไว้ว่า ความหวังเปรียบเสมือนความแข็งแกร่งของมนุษย์ที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิต ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน นั่นคือ เป้าหมาย (Goals Thinking) หมายถึงชีวิตที่มีเป้าหมาย กระบวนการ (Pathwas Thinking) เพื่อหาทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น และความเชื่อมั่น (Agency Thinking) ที่คอยกำกับตัวเราว่าเราทำได้
.
ดูเหมือนว่าคุณจระเข้ในหนังสือเล่มนี้ดำเนินเรื่องไปตามทฤษฎีแห่งความหวังเช่นกัน คุณจระเข้มีเป้าหมายคือการส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้กับคุณยีราฟ สี่ห้าหน้าแรกบอกให้เรารู้ว่าความรักของเขานั้นช่างยิ่งใหญ่ มีความหมายกับตัวตนของเขาเหลือเกิน เพราะเขากระสับกระส่ายมาหลายวันแล้ว เป้าหมาย (Goals Thinking) ของแต่ละคนจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่นั้นไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ว่าเป้าหมายนั้นต้องมีความหมายกับตัวตนที่แท้จริง และเป็นสิ่งที่ทำให้การมีชีวิตอยู่นั้นมีความหมาย
.
กระบวนการ (PathwaysThinking ) มีความสำคัญอยู่ที่การลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อไปถึงเป้าหมายที่สำเร็จ เราจึงพบว่าเมื่อคุณจระเข้ชัดเจนในเป้าหมาย เขาก็มุ่งมั่นหาวิธีที่จะทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ โดยไม่นอนรออย่างเหงาหงอย ไม่นั่งกระสับกระส่ายไปวัน ๆ เขาจึงเพียรพยายามหาวิธีส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้คุณยีราฟ
.
คุณจระเข้ใช้หลายวิธีในการไปให้ถึงเป้าหมาย และแม้ผิดหวังตลอด แต่เพราะเขามี ความเชื่อมั่น (Agency Thinking) ที่คอยกำกับว่าเขาสามารถทำได้ เราจึงเห็นคุณจระเข้ใช้วิธีที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ จากการแค่ใช้ไม้ต่อขาให้ตัวสูงขึ้นไป ปั่นจักรยานไปบนสะพานสูง ซื้อของโปรดของคุณยีราฟแล้วปีนขึ้นไปดักรอบนต้นไม้ที่คุณยีราฟชอบ เมื่อไม่สำเร็จก็เปลี่ยนมาใช้วิธีนุ่มนวลด้วยการแต่งตัวหล่อเล่นเพลงรัก แล้วก็เปลี่ยนไปใช้วิธีการที่ยากและเสี่ยงมาก นั่นคือ การเหวี่ยงเชือกไปคล้องคอคุณยีราฟแล้วกระตุกคอคุณยีราฟให้โน้มลงมา
.
วิธีการเหล่านี้ดีหรือไม่ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ คือ คุณจะเข้ทำด้วยความเชื่อมั่น พยายาม และไม่ย่อท้อ จนกระทั่งเขาต้องเข้าโรงพยาบาลนั่นแหละ ตลอดการดำเนินการตามเป้าหมายของคุณจระเข้ ภาพคุณจระเข้ในแต่ละหน้าแสดงท่าทางการเคลื่อนไหวที่มั่นใจและมุ่งมั่น จนกระทั่งในหน้าที่คุณจระเข้ออกจากโรงพยาบาล หน้านี้เพียงหน้าเดียวที่เขาเดินเศร้าก้มหน้าลงมองพื้น
.
เพราะคุณจระเข้มัวก้มหน้ามองที่พื้นนั่นเอง วิธีที่ไม่ได้คาดคิดก็เลยกลายเป็นวิธีที่สำเร็จ คุณจระเข้กับคุณยีราฟเดินชนกันเพราะมองไม่เห็น กลับกลายเป็นวิธีที่ได้เห็นกันและกัน คุณจระเข้ได้สิ่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้คุณยีราฟสำเร็จจนได้ ความอบอุ่นอบอวลในหัวใจและปกคลุมหน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ พาเอานั่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มไปความรักอันยิ่งใหญ่นี้ด้วย
.
และเพราะหนังสือเล่มนี้ช่วยหล่อเลี้ยงความหวังในชีวิต และใช้ในการจุดประกายความหวังให้กับผู้อื่นบ่อยครั้ง
“คุณจระเข้กับความรักอันยิ่งใหญ่” จึงเป็น “เล่มนี้ที่รัก”
- ไม่รู้ว่าหลงรักความรู้สึก "เหมือนไม่เคยทำงานมาก่อน" ไปตั้งแต่เมื่อไร ความรู้สึกนี้สร้างความตื่นเต้นและสร้างพลังได้ดี แม้จะมีความกังวลซุกซ่อนอยู่ก็ตาม อันที่จริงงานทุกงานเหมือนกัน แ...
- “เธอสร้างสวนขึ้นมาใหม่ได้” แม่บอกเม ประโยคนี้คือจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้ และเป็นตัวกำหนดตอนจบของเรื่องด้วย ถ้าแม่ไม่พูดอย่างนี้ จะไม่มีเรื่องราวต่อจากนั้นอีกเลย เพราะเมคงจะเดิ...
- คุณสิงโตช่วยนกน้อยที่บาดเจ็บไว้ พวกเขาผ่านฤดูหนาวด้วยกันไปทีละวัน เมื่อถึงฤดูร้อน นกน้อยก็จากไปพร้อมกับฝูง คุณสิงโตใช้ชีวิตผ่านฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงไปเพียงลำพังด้วยความเข้าใจ จนถึ...
- เมื่อติดแหง็กอยู่ที่ไหนสักแห่ง ติดแหง็กอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ติกแหง็กแม้แต่ในความคิด จะทำอย่างไร . หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นที่บอยทำว่าวลอยไปติดบนต้นไม้ เขาพยายามดึงแล...
- แพนด้ากับเพนกวินรู้สึกว่าโซฟาที่นั่งอยู่เก่าเกินไป พวกเขาช่วยกันหาโซฟาและทดลองนั่งดู แต่ก็ไม่ได้โซฟาที่ถูกใจสักที ในที่สุดพวกเขาก็พากันกลับบ้านและซ่อมโซฟาตัวเดิม ซึ่งดูเหมือนจะเป็น...
- เรื่องของน้องหมีแต่งตัวมีอยู่แค่ว่าน้องหมีทดลองแต่งตัว ใส่เสื้อ กางเกง รองเท้า และหมวก ใส่เสร็จแล้วก็ไปเที่ยว แค่นั้น...จบ . จบแค่นี้ แต่เป็นเล่มที่รักมากและรักมานานมากเล่มหนึ่ง อั...
- “กุญแจเปิดบ้านหลังน้อย บ้านหลังน้อยเรืองแสงไฟ ใต้แสงไฟเห็นเตียงนอน บนเตียงนอนมีหนังสือ ในหนังสือนกโบยบิน นกโบยบินขับขานเพลง เพลงดวงดาวยามค่ำคืน” . คำไม่กี่คำในแต่ละหน้าที่ดำเนินไปอ...
- แม้แซมสันจะเป็นสล็อตที่เชื่องช้า แต่เขาก็ชอบที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข ความเชื่องช้าของเขาทำให้ไปงานเลี้ยงไม่เคยทัน เพราะมัวแต่ช่วยคนอื่นอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งแซมสันรู้สึกว่าอยากไปง...