ครอบครัวแสนธรรมดาของคุณจระเข้กับคุณยีราฟ

ครอบครัวธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

.

นี่คือตอนต่อมาของคุณจระเข้กับคุณยีราฟ คู่รักที่มีรูปร่างแตกต่างแต่มีลูกด้วยกัน ลูกสาวเป็นจระเข้ที่มีสีและลายเหมือนยีราฟ ส่วนลูกชายเป็นยีราฟที่มีสีเหมือนจระเข้ ครอบครัวที่แสนธรรมดาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในบ้านแบบพิเศษที่อยู่ในสระว่ายน้ำ เพราะที่นั่นทำให้พวกเขาใช้ชีวิตได้ง่าย และมองตากันได้ตลอดเวลา

.

แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องวุ่น ๆ ขึ้นในขณะที่กำลังจะกินอาหารเช้า จุกท่อระบายน้ำหลุดออกมา เกิดเป็นกระแสน้ำวน น้ำในสระลดลงเรื่อย ๆ จนหมดสระ เชือกผูกถาดอาหารพันคอคุณแม่ยีราฟ แถมถ้วยกาแฟก็ติดอยู่ที่มือ จมูก ปาก ส่วนขาของคุณพ่อจระเข้ก็ติดอยู่ในท่อระบายน้ำ ลูกทั้งสองช่วยกัน ทั้งหมดปรึกษากัน แม้แผนที่ว่านั้นจะดูอันตราย น่ากลัว แต่แผนก็สำเร็จลงได้เพราะทั้งครอบครัวร่วมมือกัน

.

ครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของคุณจระเข้และคุณยีราฟไม่ธรรมดาเลย ดูเหมือนว่าครอบครัวนี้จะใช้ Processes in Family Resilience ซึ่งเป็นความสามารถของครอบครัวในการเผชิญภาวะวิกฤต ตามกรอบแนวคิดของโฟรมา วอล์ช (Froma Walsh) ที่กล่าวถึงกระบวนการ 3 ส่วน ได้แก่ ความเชื่อของครอบครัว (Belief Systems) การจัดการของครอบครัว (Organizational Processes) การสื่อสารและการแก้ปัญหาของครอบครัว (Communication Processes)

.

ความเชื่อ (Belief Systems) เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของกระบวนการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการให้ความหมายปัญหาที่เกิดขึ้น (Make Meaning of Adversity) ทัศนคติเชิงบวก (Positive Outlook) ความศรัทธาและจิตวิญญาณ (Transcendence and Spirituality) คุณจระเข้และคุณยีราฟมีความเชื่อและมีทัศนคติเชิงบวกมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีลูกแล้ว (เรื่องราวในสองเล่มแรก) เช่น ความแตกต่างเป็นเรื่องจัดการได้ ปัญหาเป็นเรื่องแก้ไขได้ และชีวิตต้องดำเนินไปอย่างมีความหวัง เมื่อเรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นในครอบครัวยามที่มีลูกแล้ว ลูก ๆ จึงรู้เองในทันทีเลยว่า “เราต้องช่วยแม่แล้วละ” คุณแม่ยีราฟก็ว่องไวพอที่จะพูดว่า “ถ้าเราร่วมมือกัน เราต้องแก้ปัญหาได้” ซึ่งคุณพ่อจระเข้ก็เสริมทันทีว่า “ใช่แล้ว”

.

เมื่อความเชื่อของครอบครัวเป็นไปในเชิงบวกและสอดคล้องตรงกัน การจัดการของครอบครัว (Organizational Processes) จึงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เราจึงเห็นความยืดหยุ่นในครอบครัว (Flexibility) ความผูกพันในครอบครัว (Connectedness) และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของครอบครัว (Social and Economic Resources) ครอบครัวแสนธรรมดานี้มีการสลับบทบาทของผู้ใหญ่และเด็ก มีความผูกพันของเด็กและผู้ใหญ่ในฐานะคนสำคัญของครอบครัว เด็กมีสิทธิ์และมีพลังที่จะลุกขึ้นมาช่วยเหลือผู้ใหญ่ได้โดยไม่ถูกจำกัดว่าเป็นผู้อ่อนแอหรือประสบการณ์น้อยกว่า ลูก ๆ ของคุณจระเข้และคุณยีราฟมั่นใจและตัดสินใจช่วยเหลือคุณแม่ยีราฟทันที และลูก ๆ ยังได้รับบทบาทสำคัญในการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเพื่อผ่านวิกฤตด้วย เช่น การขึ้นไปนั่งบนถาดอาหารที่มัดอยู่กับเชือกแล้วถูกแกว่งไปมา รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาก็ล้วนเป็นของใกล้ตัวขณะนั้น เช่น เข็มขัด ถาดอาหาร เชือก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อการแก้ปัญหา

.

กระบวนการสื่อสารในครอบครัว (Communication Processes) เป็นสิ่งที่ปรากฏชัดที่สุด และใช้พื้นที่ไปถึงหนึ่งหน้ากระดาษ เพื่อแสดงการปรึกษาหารือที่มีบทสนทนาของตัวละครที่ไม่ได้เห็นด้วยเสียทีเดียว เช่น น่ากลัวจัง ดูอันตรายนะคะ แต่ก็มีข้อความกำกับไว้ว่า “แผนจะสำเร็จได้เมื่อทุกคนร่วมมือกัน” ในหน้านี่เองที่ทำให้เราได้เห็นถึง การสื่อสารที่ชัดเจนและสอดคล้องกัน (Clear, Consistent Messages) การแสดงออกทางอารมณ์อย่างเปิดเผย (Open Emotional Expression) การร่วมมือกันในการแก้ปัญหา (Collaborative Problem-Solving) ที่ปรากฏในหน้าถัดจากนั้นไป จนเรื่องราววุ่น ๆ นี้จบลงด้วยดี

.

มองเผิน ๆ การแก้ปัญหาของครอบครัวแสนธรรมดาในหนังสือเล่มนี้อาจชวนขบขัน แต่เมื่อมองลึก ๆ ลงไป ครอบครัวแสนธรรมดาครอบครัวนี้สามารถเผชิญวิกฤตด้วยพลังใจของครอบครัว และมีหลักการที่ดีมากพอที่เราจะใช้เป็นตัวอย่างในการนำพาครอบครัวของเราผ่านวิกฤตเช่นกัน

.

และเพราะเหตุนี้เอง “ครอบครัวแสนธรรมดาของคุณจระเข้กับคุณยีราฟ” จึงเป็น “เล่มนี้ที่รัก”

.

 

เขียน : ดร.จารุทัศน์ วงศ์ข้าหลวง


  • ไม่รู้ว่าหลงรักความรู้สึก "เหมือนไม่เคยทำงานมาก่อน" ไปตั้งแต่เมื่อไร ความรู้สึกนี้สร้างความตื่นเต้นและสร้างพลังได้ดี แม้จะมีความกังวลซุกซ่อนอยู่ก็ตาม อันที่จริงงานทุกงานเหมือนกัน แ...

  • “เธอสร้างสวนขึ้นมาใหม่ได้” แม่บอกเม ประโยคนี้คือจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้ และเป็นตัวกำหนดตอนจบของเรื่องด้วย ถ้าแม่ไม่พูดอย่างนี้ จะไม่มีเรื่องราวต่อจากนั้นอีกเลย เพราะเมคงจะเดิ...

  • คุณสิงโตช่วยนกน้อยที่บาดเจ็บไว้ พวกเขาผ่านฤดูหนาวด้วยกันไปทีละวัน เมื่อถึงฤดูร้อน นกน้อยก็จากไปพร้อมกับฝูง คุณสิงโตใช้ชีวิตผ่านฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงไปเพียงลำพังด้วยความเข้าใจ จนถึ...

  • เมื่อติดแหง็กอยู่ที่ไหนสักแห่ง ติดแหง็กอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ติกแหง็กแม้แต่ในความคิด จะทำอย่างไร . หนังสือเล่มนี้เริ่มต้นที่บอยทำว่าวลอยไปติดบนต้นไม้ เขาพยายามดึงแล...

  • แพนด้ากับเพนกวินรู้สึกว่าโซฟาที่นั่งอยู่เก่าเกินไป พวกเขาช่วยกันหาโซฟาและทดลองนั่งดู แต่ก็ไม่ได้โซฟาที่ถูกใจสักที ในที่สุดพวกเขาก็พากันกลับบ้านและซ่อมโซฟาตัวเดิม ซึ่งดูเหมือนจะเป็น...

  • เรื่องของน้องหมีแต่งตัวมีอยู่แค่ว่าน้องหมีทดลองแต่งตัว ใส่เสื้อ กางเกง รองเท้า และหมวก ใส่เสร็จแล้วก็ไปเที่ยว แค่นั้น...จบ . จบแค่นี้ แต่เป็นเล่มที่รักมากและรักมานานมากเล่มหนึ่ง อั...

  • “กุญแจเปิดบ้านหลังน้อย บ้านหลังน้อยเรืองแสงไฟ ใต้แสงไฟเห็นเตียงนอน บนเตียงนอนมีหนังสือ ในหนังสือนกโบยบิน นกโบยบินขับขานเพลง เพลงดวงดาวยามค่ำคืน” . คำไม่กี่คำในแต่ละหน้าที่ดำเนินไปอ...

  • แม้แซมสันจะเป็นสล็อตที่เชื่องช้า แต่เขาก็ชอบที่จะทำให้คนอื่นมีความสุข ความเชื่องช้าของเขาทำให้ไปงานเลี้ยงไม่เคยทัน เพราะมัวแต่ช่วยคนอื่นอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งแซมสันรู้สึกว่าอยากไปง...

  • เรื่องราวเริ่มต้นที่ความรักในหัวใจของคุณจระเข้ เขาหนาวจนตัวสั่นทั้งที่อากาศน่าจะร้อน เพราะเขาอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งและคุณยีราฟที่เขาหลงรักก็แช่ตัวอยู่ในน้ำ บางวัน...

  • เรื่องราวของคุณจระข้และคุณยีราฟไม่ได้เริ่มต้นในหนังสือเล่มนี้ หากแต่ต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มที่มีชื่อว่าคุณจระเข้กับความรักอันยิ่งใหญ่ ยิ้มหวานหยาดเยิ้มที่คุณจระเข้มีให้กับคุณยีรา...

  • แด่ผู้เยียวยาหัวใจในยามที่สงครามมาเยือน . วันที่สงครามมาเยือน บ้านที่เคยสุข โรงเรียนที่เคยสงบก็เปลี่ยนแปลงไป สงครามทลายเมืองทั้งเมืองจนเป็นซากปรักหักพัง สงครามพรากทุกสิ่ง สงครามพรา...

  • “พอเธอไม่อยู่ ฉันรู้สึกว่าบ้านไม่เหมือนบ้านอีกเลย” คุณเป็ดพูดกับคุณกบเมื่อทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง . ก่อนหน้านั้น คุณเป็ดผู้ซึ่งไม่ชอบเปียกได้พบกับคุณกบในวันที่พายุกระหน่ำจนหลังคาบ้...
Visitors: 32,129